ทำความรู้จักหลักสูตรโรงเรียนนานาชาติ ส่งลูกเข้าเรียนหลักสูตรไหนดี?
โรงเรียนนานาชาติเป็นโรงเรียนที่อ้างอิงหลักสูตรการสอนจากต่างประเทศ ละคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านก็อาจจะเคยอ่านบทความการพัฒนาทักษะภาษาของน้อง ๆ ควรพัฒนาตั้งแต่ก่อน 10 ขวบโรงเรียนนานาชาติจึงอาจจะกลายเป็นทางเลือกที่คุณพ่อคุณแม่เลือกที่จะส่งน้อง ๆ เข้าเรียนเนื่องจากทั้งได้ภาษาและได้ปลูกฝั่งวัฒนธรรมในระดับสากลอีกด้วยครับ
วันนี้ Ignite a* จึงได้นำเสนอบทความที่เป็นคำถามคาใจคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านว่า โรงเรียนนานาชาติหลัก ๆ มีกี่หลักสูตร และควรส่งให้น้องเรียนโรงเรียนนานาชาติหลักสูตรไหนดี?
ในประเทศไทยหลักสูตรของโรงเรียนนานาชาติที่ใช้กันมากที่สุดจะแบ่งออกเป็น 3 หลักสูตร หลัก ๆ ครับ คือ หลักสูตรการศึกษาหลักของอังกฤษ (UK) , หลักสูตรการศึกษาของอเมริกา (US) และ หลักสูตรนานาชาติ International Baccalaureate (IB)
โดยการจัดการเรียนการสอนบูรณาการของแต่ละหลักสูตรก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละโรงเรียนครับ คุณพ่อคุณแม่สามารถเข้าไปอ่านเคล็ดคลับการเลือกโรงเรียนเพิ่มเติมได้ในบทความนี้ครับ https://www.igniteastar.com/choose-international-school/
1. หลักสูตรการศึกษาหลักของอังกฤษ (UK)
หลักสูตรอังกฤษ (The National Curriculum) ถูกจัดตั้งขึ้นมาด้วยเป้าหมายที่ต้องการให้การศึกษาในสหราชอาณาจักรนั้นมีมาตรฐาน เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้เรียนเหมือน ๆ กัน ในทุก ๆ โรงเรียนทั่วประเทศ โดยหลักสูตรอังกฤษนั้นจะกำหนดวิชาที่ครูจะต้องสอน และเกณฑ์มาตรฐานที่นักเรียนจะต้องผ่านในแต่ละวิชา
นักเรียนจะถูกแบ่งตามช่วงอายุ โดยจะมีการจัดกลุ่มช่วงอายุเป็น Key Stage และจะมีหลักสูตรที่จัดทำขึ้นมาสำหรับแต่ละ Key Stage โดยที่ในแต่ละ Key Stage นั้นก็จะมีการวัดผลและการสอบวัดระดับ เพื่อประเมิณและติดตามผลการเรียนทางวิชาการของน้องแต่ละคนครับ
โดยหลักสูตรจะเน้นไปทางการใช้ภาษาที่ถูกต้องมากกว่ากิจกรรมเมื่อเข้าระดับมัธยมต้นน้อง ๆ จะได้ใช้หลักสูตรที่เรียกว่า International General Certificate of Seconondary Education (IGCSE) โดยข้อสอบ IGCSE จะเป็นข้อสอบสากลที่ใช้สอบร่วมกันทั่วโลก สำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศน้อง ๆ ต้องเรียนต่อในช่วงชั้นที่ 5 หรือเรียกว่า Sixth Form เลือกเรียนเฉพาะวิชาที่จะต่อในระดับอุดมศึกษาหลังจบหลักสูตร 2 ปีสุดท้าย
สำหรับการแบ่งช่วงชั้นเรียนของหลักสูตรแบบอังกฤษจะเรียกระดับชั้นเป็น Year กำหนดให้อยู่ระหว่างอายุ 5-16 ปี ได้แก่
- Early Years (สำหรับเด็กอายุ 3-5 ขวบ)
- ช่วงชั้นที่ 1 อายุ 5-6 ปี (year 1-2)
- ช่วงชั้นที่ 2 อายุ 7–10 ปี ( year 3 – year 6)
- ช่วงชั้นที่ 3 อายุ 11–13 ปี (year 7 – year 9)
- ช่วงชั้นที่ 4 อายุ 14–16 ปี (year 10 – year 11) และจะต้องสอบเพื่อเข้าเรียน หลักสูตร A-Level 2 ปีเพื่อเตรียมตัวเรียนต่อในมหาวิทยาลัยครับ
โดยที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเข้าไปดูโรงเรียนนานาชาติโดยทาง database ได้แบ่งโรงเรียนไว้ตามพื้นที่ได้จากเว็บไซด์นี้ครับ https://www.international-schools-database.com/country/thailand
2. ระบบการศึกษาหลักสูตรอเมริกัน (US)
หลักสูตรอเมริกัน นั้นเป็นหลักสูตรที่ค่อนข้างมีความหลากหลาย เนื่องจากว่า หลักสูตรของอเมริกันนั้นจะมีความแตกต่างกันในแต่ละรัฐ ทำให้หลักสูตรในแต่ละโรงเรียนจะค่อนข้างแตกต่างกันไปตามมลรัฐนั้น ๆ แต่โรงเรียนนานาชาติหลักสูตรอเมริกันนั้นจะต้องได้รับการประเมินและรับรองจากองค์กรจากสหรัฐอเมริกาที่เป็นที่รู้จักระดับสากล ได้แก่ Western Association of Schools and Colleges (WASC), New England Association of Schools and Colleges (NEASC) หรือ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (ONESQA)
การเรียนการสอนตามหลักสูตรนี้ เริ่มที่อายุ 5 ปี หรือในบางโรงเรียนก็เปิดรับนักเรียนในระดับเตรียมอนุบาล (Pre-school อายุ 3-5 ปี ซึ่งไม่ได้เป็นการศึกษาภาคบังคับ) โดยเรียกระดับชั้นป็น Grade ซึ่งจะแบ่งดังนี้
- ระดับอนุบาล kindergarten (KG)
- ระดับประถมศึกษา Elementary School (Grades 1-5)
- มัธยมศึกษาตอนต้น Middle School (Grades 6-8)
- มัธยมศึกษาตอนปลาย High School (Grades 9-12)
หลักสูตรอเมริกันนั้น หากเรียนแบบปกติ เวลาไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยนั้น นักเรียนจะต้องสอบ ACT หรือ SAT เพื่อนำคะแนนยื่นให้มหาวิทยาลัยไปด้วย แต่ในบางโรงเรียนนั้นจะมีการสอนหลักสูตร AP หรือ Advanced Placement เพิ่มขึ้นมาด้วย ซึ่งเป็นการสอนรายวิชาที่เป็นระดับสูง และจะมีการจัดสอบวัดระดับ AP ด้วย ข้อดีของ AP ก็คือ คะแนนของ AP จะมีผลช่วยในการคัดเลือกนักเรียนในการเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยในอเมริกา รวมถึงเมื่อได้รับการคัดเลือกเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในอเมริการแล้ว ในบางรายวิชาที่คะแนน AP ผ่าน อาจได้รับการยกเว้นไม่ต้องเรียนได้
3. หลักสูตรระบบนานาชาติ International Baccalaureate (IB)
หลักสูตร IB นี้ถือว่าเป็นหลักสูตรสำหรับนานาชาติอย่างแท้จริง โดยจะปลอดพ้นจาก นโยบายทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมจากประเทศต่าง ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อรองรับนักเรียนนานาชาติที่ย้ายมาจากประเทศอื่นหรือย้ายมาจากหลักสูตรอื่น ๆ โดยจะรองรับนักเรียนตั้งแต่อายุ 3-19 ปี การที่โรงเรียนจะเปิดสอนหลักสูตรนี้ได้นั้น โรงเรียนจะต้องได้รับการรับรองจาก องค์กร IBO ก่อน และเราจะเรียกโรงเรียนในกลุ่มนี้ว่า IB World School โดยคุณครูผู้สอนจะต้องได้รับการอบรมจากองค์กร IBO เพื่อให้โรงเรียนหลักสูตร IB นี้มีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกครับ
IB เป็นหลักสูตรที่เน้นกระบวนการสอนให้นักเรียนได้เรียนรู้ตามช่วงพัฒนาการของเด็ก 3 ระดับ สำหรับนักเรียนนานาชาติที่มีอายุ 3-19 ปี เป็นหลักสูตรที่เกิดจากการนำระบบการศึกษาหลากหลายหลักสูตรจากทั่วโลกมาผสมผสานกัน นักเรียนจะเรียนรายวิชาทั้งสิ้น 6 วิชา คือ
- ภาษาที่หนึ่ง
- ภาษาที่สอง
- สังคมศึกษา
- คณิตศาสตร์
- วิทยาศาสตร์
- ศิลปะ
รวมทั้งวิชาเลือกอื่น ๆ นอกจากนี้ยัง ยังมีการเขียน Extended essay รวมถึง Theory of knowledge (การเรียนรู้ด้านปรัชญา จริยธรรมประสาทสัมผัส ควบคู่ไปกับความรู้ทางวิชาการ) ที่นักเรียนจะต้องผ่านด้วย เน้นการเรียนการสอนที่เป็นนานาชาติและสากลที่ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศใดในโลกก็ตามจะทัดเทียมกัน ซึ่งจะต้องได้รับการอนุมัติจากองค์กร IBO หรือ International Baccalaureate Organization ให้จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรที่เรียกว่า International Baccalaureate (IB) และได้รับอนุญาตให้เป็นหนึ่งในกลุ่มโรงเรียน IB World School ซึ่งครูผู้สอนจะต้องได้รับการพัฒนาวิชาชีพ ผ่านการฝึกอบรมซึ่งจัดโดยองค์กร IBO ด้วยเช่นกัน โดยหลักสูตร IB แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
- ระดับปฐมวัยและประถมศึกษา Primary Years Programme ใช้เวลาเรียน 8 ปี สำหรับนักเรียนอายุ 3-11 ปี
- ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น Middle Years Programme ใช้เวลาเรียน 5 ปี สำหรับนักเรียนอายุ 11-16 ปี
- ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย Diploma Programme ใช้เวลาเรียน 2 ปี สำหรับนักเรียนอายุ 16-19 ปี เพื่อเตรียมการเรียนที่จะมุ่งเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยต่อไป
IB Diploma
ชั้นมัธยมปลาย (high school) หรือที่เรียกว่า หลักสูตร IB Diploma (IB DP) ซึ่งการที่นักเรียนจะผ่านและได้รับ IB Diploma นั้น จะต้องผ่านการสอบข้อสอบสำหรับหลักสูตรนี้ โดยจะจัดสอบพร้อมกันทั่วโลกครับ แล้วยังต้องผ่านอีก 3 เงื่อนไข คือ
- Theory of knowledge (TOK) เป็นการนำเสนอความรู้ที่มีผ่าน Oral Presentation และ Essay จำนวน 1,600 คำ
- Creativity, activity, service (CAS) คือ การทำโครงงานที่ประกอบไปด้วย ความคิดสร้างสรรค์และมีการทำกิจกรรมเพื่อสังคมต่าง ๆ
- The extended essay โดยจะต้องทำ research และเขียน essay จำนวน 4,000 คำ
โดยที่น้อง ๆ นักเรียนที่จบหลักสูตร IB Diploma นั้นจะสามารถเรียนต่อในระดับต่างประเทศที่หลากหลาย เนื่องจากเป็นมาตราฐานเดียวกันทั่วโลก แต่อย่างไรก็ตามการสอบ IB Diploma น้อง ๆ ต้องใช้เวลาเตรียมตัวค่อนข้างมาทีเดียวเลยครับ
ทั้งนี้การที่คุณแม่ผู้ปกครองจะเลือกโรงเรียนให้น้อง ๆ นั้นไม่เพียงแต่ศึกษาหลักสูตรเพียงอย่างเดียว อาจจะต้องไปดูสถานที่จริง เช็คโปรไฟล์คุณครู รวมไปถึงดู school support และ ประเมิณความคุ้มค่ากับคุณภาพที่ได้รับอีกด้วยครับ
ปรึกษาและวางแผนการเรียนต่อหลักสูตรนานาชาติกับผู้เชี่ยวชาญ ignite A*
ทั้งนี้ ทางพี่ Educational consultant เชื่อว่า คุณพ่อ-คุณแม่ จะต้องเลือกสิ่งที่ดี และเหมาะสมกับลูกที่สุดอย่างแน่นอนครับ หากคุณพ่อ-คุณแม่ ต้องการที่ปรึกษาด้านการเรียนหลักสูตรอินเตอร์เพิ่มเติม และการเรียนเสริมหลักสูตรโรงเรียนนานาชาติ ทั้ง IGCSE, A-Level, IB, AP เพื่อปูพื้นฐานให้น้องๆ อย่างดีที่สุด ด้วยทีมครูคุณภาพจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก สามารถติดต่อที่ Line: @igniteastar หรือคลิก https://bit.ly/3hhgXoD และโทร 061-265-0047 เข้ามาสอบถามได้เลย ทีมงานพร้อมช่วยน้อง ๆ วางแผนการเรียนและตอบทุกข้อสงสัยในการเรียนต่อในหลักสูตรอินเตอร์ ให้น้อง ๆ แบบรายบุคคล
และตอนนี้เรามีกลุ่มพูดคุยการเตรียมตัวสอบหลักสูตรนานาชาติ IGCSE & A-Level Community มาเข้าร่วมแชทกันเลย >>> http://bit.ly/3XzuTNx
Contact information
Telephone number: +66 61-265-0047
Line: @igniteastar (https://bit.ly/3hhgXoD)
Location: MBK tower, 20th Floor, 444, Phayathai Road, Wang Mai, Pathum Wan, Bangkok