รีวิวระบบการศึกษา IGCSE และ A-Level
คุยกับแก๊ง 3 สาวเพื่อนซี้จาก Bangkok Prep ตอบทุกข้อสงสัย!
หากพูดถึงการศึกษาระบบนานาชาติในประเทศไทย แน่นอนเลยว่าหลักสูตรที่ถือว่ายอดนิยมอันดับ 1 ก็คือ IGCSE และ A-Level ซึ่งเป็นระบบการศึกษาที่มีการเรียนการสอนแบบอังกฤษนั่นเอง
โดยระบบนี้เนี่ย น้องๆ จะเลือกเรียนวิชาพื้นฐานของ IGCSE ในช่วง Year 10-11 (เทียบเท่าม.3-ม.4) เป็นระยะเวลา 2 ปี จากนั้นในช่วงมัธยมปลายน้องๆสามารถเลือกที่จะเรียนเนื้อหาเจาะลึกต่อในช่วง Year 12-13 (ม.5-ม.6) ในระบบ A-Level หรือจะย้ายไปเรียนระบบอื่นๆ เช่น IB Diploma ก็ได้ และนำคะแนนทั้งหมดไปยื่นเพื่อขอเทียบวุฒิหรือยื่นศึกษาต่อ
แน่นอนว่าหากน้องๆ กำลังเรียนหรือแพลนที่จะเรียนหลักสูตรอินเตอร์ การศึกษาข้อมูลแผนการเรียนเป็นเรื่องที่จำเป็นในการตัดสินใจว่าจะเลือกระบบไหน
วันนี้ทางพี่ๆ อิกไนท์เลยจะพาน้องๆไปรู้จักกับแก๊งเพื่อนซี้ 3 สาว จากโรงเรียนนานาชาติ Bangkok Prep โดยมีตัวแทนคือ “น้องแนท” ที่จะมาช่วยรีวิวไขข้อสงสัยเกี่ยวกับระบบการศึกษาแบบ IGCSE/A-Level ตอบโดยผู้เรียนจริง! เพื่อให้น้องๆ ได้รู้ Insight ประกอบการตัดสินใจเลือกรูปแบบการเรียน
ตอนนี้น้องๆเรียนหลักสูตรนานาชาติรูปแบบไหนอยู่?
ตอนนี้แนทกับเพื่อนๆ เรียนอยู่ที่ Bangkok Prep International School ค่ะ ที่โรงเรียนก็จะ เรียนเป็นระบบอังกฤษ (British Curriculum) ก็เลยจะเรียนเป็นหลักสูตร IGCSE ของบอร์ด Cambridge CIE ค่ะ ในอนาคตนักเรียนก็จะเรียน A-Level กันต่อ หรือจะย้ายไปเรียนระบบ IB ก็ได้ช่วงมัธยมปลาย
แต่ปกติแล้วโรงเรียนนานาชาติในไทยระบบอังกฤษก็จะมีบอร์ดสอบอื่นๆ ด้วยนะคะ อีกบอร์ดที่นิยมเลยจะชื่อ Pearson Edexcel ได้รับการยอมรับเหมือนกันค่ะ แต่สองบอร์ดนี้จะออกข้อสอบไม่เหมือนกัน ก็ต้องดูว่าโรงเรียนเราเรียนระบบไหน
เรียนระบบอังกฤษเป็นอย่างไร?
รีวิวระบบการเรียน IGCSE/A-Level เป็นยังไง?
ในช่วง Year 10-11 เนี่ยจะเป็นขั้น IGCSE รวมเป็นระยะเวลา 2 ปี ซึ่งนักเรียนจะต้องเลือกวิชาเรียน 5 ตัวขึ้นไป ในแต่ละปีก็จะมีช่วงสอบอยู่ประมาณ 2 ครั้ง May-June และ Oct-Nov ซึ่งเราก็ต้องเข้าสอบวิชาที่เราเรียนให้ผ่าน แล้วก็จะได้เกรดออกมาตั้งแต่ A*-G (A*คือเกรดดีสุด) พอได้คะแนนนั้น ถ้าคะแนนโอเคเราก็จะมีสิทธิ์เรียนต่อแบบเจาะลึกได้ในขั้น A-Level อีก 2 ปี ตอน Year 12-13 ซึ่งส่วนใหญ่ในช่วง A-Level จะเลือกเรียนกัน 3-4 วิชา เพราะเนื้อหามันยากขึ้นมาก จะมีการจัดสอบเหมือนตัว IGCSE เลย
อย่างงี้พอมีโควิด-19 เข้ามา ได้รับผลกระทบกันแค่ไหนเรื่องการสอบ?
จริงๆ ก็มีผลกระทบพอสมควรค่ะ ต้องเล่าคร่าวๆ ก่อนว่า ในไทยบอร์ดจัดสอบใหญ่ๆ คือ Cambridge กับ Edexcel ตอนแรกเนี่ย Edexcel โดนยกเลิกในรอบเดือน พ.ค. 2021 สักพักนึง Cambridge ก็โดนยกเลิกตามไปด้วย เหมือนกับปี 2020 เด้ะๆ เลยค่ะ ปีนี้ก็จะยังเหลือรอบสอบช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. 2021
พอไม่สามารถเข้าสอบได้ ทีนี้เขาเลยเปลี่ยนเป็นการใช้ Teacher Assessment Grade แทน คือวิเคราะห์ตามคะแนนการเรียนการสอนจากครูที่โรงเรียน ครูก็จะส่งคะแนนนี้ไปให้ทางบอร์ด Mark & Approve อีกทีหนึ่ง คือแปลว่า ถึงไม่มีการนั่งสอบเราก็ยังได้ผลคะแนนอยู่ ถ้าที่โรงเรียนเราตั้งใจและเรียนดีก็รอดตัวไปค่ะ คนที่เรียน IGCSE ในโรงเรียนก็อาจจะไม่ต้องอัดการอ่านหนังสือเท่าเดิมแล้วเพื่อสอบรอบ May แต่เน้นการเรียนที่โรงเรียนมากขึ้นในช่วงนี้
ที่ได้รับผลกระทบมากกว่าอาจจะเป็นฝั่งนักเรียนที่ Homeschooling อยู่เพราะไม่สามารถเข้าสอบได้ แล้วก็อาจจะไม่มีตัวการวัดคะแนนจากโรงเรียน แต่สำหรับคนที่แพลนจะสอบรอบพ.ค. เป็น Early Exam ก็ยังถือว่าไม่กระทบมากเพราะยังเหลือรอบปลายปีให้เข้าสอบอีก
แล้วอย่างน้องแนทเลือกวิชาเรียน IGCSE เป็นแบบไหน?
จริงๆ แนทเรียนหลายตัวเลย รวมทั้งหมดก็ 11 วิชาค่ะ ถ้าจะอธิบายคร่าวๆ คือ เมื่อก่อนที่ไทย หากเรียน IGCSE 5 ตัวก็สามารถนำไปเทียบวุฒิการศึกษา ม.6 ได้แล้ว แต่ตอนนี้มีการปรับใหม่ คือต้องใช้ IGCSE 5 ตัวขึ้นไป ยื่นคู่กับคะแนน A-Level อีกอย่างน้อย 3 วิชาเลย และ A-Level ในที่นี้ คือเราต้องสอบให้ครบทุก Paper นะ
อย่างถ้าเป็นบอร์ด Cambridge CIE ส่วนใหญ่ในเเต่ละวิชาของ A-Level จะมีข้อสอบทั้งหมด 6 Paper คนส่วนใหญ่ก็จะเลือกเรียนกัน 3-4 วิชาเพราะเนื้อหามันยากและลงลึกแล้ว ดังนั้นก็เเปลว่ารวมๆคือต้องสอบประมาณ 18-24 Paper เลย
อย่างเเนทเรียน IGCSE 11 ตัว (จริงๆ บางคนก็เลือกเรียนแค่ 5 ตัวขึ้นไปเพื่อให้พอผ่านก็มี) เพราะอย่างที่ Bangkok Prep จะมีวิชาบังคับบางตัวที่ทุกคนต้องเรียน เช่น วิชา Science 3 ตัว, Thai Language, Maths, English-Literature, English Language และจะมี option ให้เราเลือกเรียนเพิ่มอีก 3 ตัว เช่น Further Maths อะไรแบบนี้ แต่หากเป็นโรงเรียนอื่นๆ choice วิชาทีเปิดอาจจะมีน้อยกว่าหรือมากกว่าของโรงเรียนแนทค่ะ บางที่ก็อาจจะเคร่งเรื่องการเลือกวิชาไม่เหมือนกันด้วย
แล้วอย่างที่ Bangkok Prep นี่น้องๆเลือกกันได้ไหมว่า Year 12-13 จะเรียนเป็น A-level หรือ IB?
ที่ Bangkok Prep จะเลือกไม่ได้ค่ะ จะเป็นระบบอังกฤษ คือเรียน A-Level ต่อกันเลยจาก IGCSE บางคนก็เรียนต่อ หรือบางคนอาจจะย้ายออกเพื่อเปลี่ยนระบบก็ได้ แต่โรงเรียนส่วนใหญ่จะไม่ค่อย Provide ทั้งระบบอังกฤษและ IB ในที่เดียวสักเท่าไหร่ เพราะระบบการจัดการมันต่างและยากในการบริหารคุณครูด้วยค่ะ จะงงเรื่องการจัดตารางมากๆ และสำหรับโรงเรียนนานาชาติ ครูส่วนใหญ่จะ Specialized ในหลักสูตรๆ หนึ่งไปเลย เพราะ Year 12-13 เนื้อหาละเอียดจริงๆ เป็นการเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว
อย่างบางคนจะเรียนต่อสายไหนแล้วงง ก็อาจจะไปถาม counsellor โรงเรียน เขาก็จะรู้คร่าวๆ ว่า อยากเรียนสายนี้ ควรลงเรียนอันไหน แต่อาจจะไม่ได้ลงลึกถึงขั้นเตรียมพอร์ทอะไรแบบนี้ อาจต้องปรึกษาข้างนอกเพิ่มเติม
จุดหมายเรียนต่อยอดฮิต!
ส่วนใหญ่ที่โรงเรียนศึกษาต่อที่ไหนกัน?
อย่างที่โรงเรียน หากเรียนต่อในไทย พี่ๆ ส่วนมากจะเข้าคณะอินเตอร์ของจุฬาและธรรมศาสตร์ค่ะ ด้วยความที่เราเรียนระบบนี้มา ถ้าไปต่างประเทศส่วนใหญ่ก็จะเป็นประเทศอังกฤษ ปีที่ผ่านๆ มาก็มีคนติด U. of Cambridge ด้วยนะคะ หรือ U. of Bath, U. of York, Durham University คนก็ไปเรียนเยอะเหมือนกัน ซึ่งแน่นอนว่าต้องสอบ A-Level เพื่อยื่นคะแนน อย่างอังกฤษถ้าเรายื่นด้วยคะแนนระบบเขา ก็จะได้รับเป็น conditional offer (ประมาณว่า ถ้าคะแนนถึงเกณฑ์ และคะแนนสวย ก็จะได้ offer ไปก่อนใครๆ เลย) แต่ถ้าคะแนนไม่ถึงก็อด แล้วรอยื่นเข้าระบบ UCAS ตามปกติค่ะ ส่วนการไปต่อที่อเมริกาก็มีเหมือนกันค่ะแต่ไม่เยอะเท่าอังกฤษ
มีเพื่อนข้างนอกเรียน IB หรือ AP กันบ้างไหม?
เหมือนกันค่ะ แต่เรียนระบบอังกฤษจะมากกว่า ส่วน IB ก็มีเหมือนกัน แต่การเรียนจะแตกต่างกันเลย IB นี่เขาจะต้องเรียนกันประมาณ 9 วิชา เป็น 6 วิชาเลือก ซึ่งจะมีหมวดวิชาคละๆกันไป ตั้งแต่วิทย์ เลข มนุษยศาสตร์ และบังคับเรียน 3 DP Cores แล้วก็ยังมีทำกิจกรรมด้วย ก็อาจจะเรียนหนักกว่านิดนึงเนื่องจากจำนวนวิชาเยอะกว่า ซึ่งตัว A-Level ก็จะตอบโจทย์กว่าสำหรับคนที่รู้ตัวแล้วว่าอยากเข้าคณะอะไร ต้องเรียนวิชาไหนตาม requirement การเข้ามหาวิทยาลัย ส่วน IB ก็จะได้เรียนวิชาที่หลากหลายกว่า กิจกรรมก็สามารถนำไปเก็บเป็นพอร์ทได้
แต่ถือว่าได้รับการรับรองทั้งคู่ค่ะ สะดวกเวลายื่นเข้ามหาวิทยาลัย อย่างเวลาถ้าสมัครเรียนแพทย์ที่ไทย เขาก็จะมี requirement มา พวกตัว IGCSE, A-Level, IB เราสามารถดูคะแนนเกณฑ์ยื่นได้เลย แต่ถ้าเป็น Advanced Placement บางที่อาจจะยังไม่รับเทียบก็มีค่ะ
ส่วนใหญ่ติวกันรูปแบบไหน?
อย่างแนทก็จะเรียนพิเศษเสริมด้วย เป็นแบบ One on One คือเรียนเดี่ยวหรือกลุ่มเล็กๆ เนื่องจากระบบ IGCSE/A-Level เนื้อหาจะค่อนข้างเยอะมาก แล้วแต่ละคนเรียนวิชาต่างกัน เนื้อหาต่างกัน จะเรียนรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่อาจจะยากหน่อย แนทต้องการโฟกัสจุดที่ตัวเองไม่คล่องหรือมีคำถามเยอะด้วย บางคนก็เลือกเรียนแบบลุยเนื้อหาเลยทั้งคอร์ส หรืออย่างแนทก็จะมาปรึกษาคุณครูหรือทีมงานก่อน ว่าอ่อนจุดไหน เน้นจุดไหนดี จะได้วิเคราะห์รูปแบบหรือหลักสูตรการสอนได้ตรงที่สุด ก็จะให้ครูช่วยดูพวกตัว main content การทำโจทย์เก่า mark scheme อะไรต่างๆด้วย
ช่วงโควิด-19 เรียน 1 on 1 แบบออนไลน์เป็นยังไง?
พอมีสถานการณ์โควิด ต้องเปลี่ยนมาเรียน One on One แบบออนไลน์ แนทว่าโอเคมากเลยค่ะ ตอนนี้เรียนออนไลน์มันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ปรับตัวไม่ยากค่ะ ไม่มีปัญหา ครูเชี่ยวชาญ ครูเก่ง ช่องทางการเรียนและพวก material ครบครัน ก็ยังสอนและเรียนกันได้เหมือนเดิมเลย พอมาเรียนออนไลน์เราก็ปรับเวลาเรียนได้มากขึ้นด้วย ไม่ต้องไปฝ่ารถติดอะไรต่างๆ
เป็นอย่างไรกันบ้าง กับข้อมูลเจาะลึกระบบการศึกษานานาชาติจากน้องแนท Bangkok Prep พี่ๆอิกไนท์หวังว่าน้องๆ จะได้รับข้อมูลดีๆ ไปประกอบการตัดสินใจในระบบการเรียนที่กำลังสนใจอยู่ บอกเลยว่าระบบการเรียน IGCSE/A-Level เนี่ย ถือว่าเป็นที่ยอมรับแทบจะทุกมุมโลกเลย และนำไปยื่นใช้ได้กับมหาวิทยาลัยระดับท็อปได้เช่นกัน
ทีมคุณครู เบื้องหลังความสำเร็จน้องๆหลักสูตรอินเตอร์
สำหรับน้องๆ ที่สนใจศึกษาต่อหลักสูตรนานาชาติหรือวางแผนที่จะยื่นคะแนนระบบอินเตอร์เข้ามหาวิทยาลัย หากเตรียมตัวไว ก็สามารถคว้าโอกาสเอาไว้ได้แน่นอน นอกจากนี้ที่ Ignite A* ยังมีคอร์ส One on One สำหรับน้องๆที่เรียนหลักสูตร IGCSE, A-Level, IB, AP อีกด้วย ที่ Ignite A* เรามีทีมคุณครูเชี่ยวชาญในการสอนหลักสูตรนานาชาติ ตั้งแต่เนื้อหารายวิชา, Past Paper, Mark Scheme และยังอยู่เบื้องหลังความสำเร็จน้องๆนับไม่ถ้วนอีกด้วย
ติดต่อสอบถาม แนะแนววางแผนการเรียน ในหลักสูตรอินเตอร์ ได้ที่ Line: igniteastar หรือคลิก https://bit.ly/3hhgXoD