สรุปตอบคำถามยอดฮิต สอบ IGCSE คืออะไร? ควรวางแผนอย่างไรดี?
IGCSE เป็นหลักสูตรการศึกษาจากอังกฤษซึ่งได้รับการยอมรับระดับสากล โดยเฉพาะโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยก็ใช้หลักสูตรนี้กันเป็นส่วนใหญ่ โดยหลักสูตร IGCSE นั้นมีรายวิชาที่ใช้สอบหลากหลายถึง 77 วิชาโดยน้อง ๆ ต้องเลือกสอบและวางแผนในการสอบกันอย่างจริงจังเพราะมีผลต่อการเรียนและสอบ A-Level เพื่อนำผลไปเทียบวุฒิระดับ ม.6 และไว้ใช้ในการยื่นศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ นั่นเอง บทความนี้พี่ ignite A* จะพาน้องทำเข้าใจถึงเจาะลึกหลักสูตร พร้อมแนะนำแนวทางในการเตรียมสอบกันอย่างอัดแน่น ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันเลย..
IGCSE คืออะไร?
IGCSE หรือ International General Certificate of Secondary Education คือ หลักสูตรการศึกษาของอังกฤษที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งหากน้อง ๆ ได้เรียนและทำการสอบแล้ว จะได้รับวุฒิการศึกษาเทียบเท่ากับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในไทยครับ
การเรียนในหลักสูตร IGCSE
หลักสูตร IGCSE เป็นการเรียนการสอนที่บูรณาการระหว่างความรู้ในแต่ละรายวิชาไปพร้อมกับการฝึกปฎิบัติ โดยน้องๆสามารถเลือกเรียนและทำข้อสอบวัดความรู้ได้ทั้ง เนื้อหาขั้นพื้นฐาน (Core) หรือ เนื้อหาขั้นสูง (Extended)
- เนื้อหาขั้นพื้นฐาน (Core) ครอบคลุมเนื้อหาหลักๆของรายวิชานั้น ได้เกรดเป็น C-G
- เนื้อหาขั้นสูง (Extended) ครอบคลุมทั้งเนื้อหาหลักเเละเนื้อหาเจาะลึก ได้เกรดเป็น A*-C
ซึ่ง โดยทั่วไปเมื่อน้อง ๆ สอบ IGCSE ผ่านแล้วจะต่อด้วยการเรียนและสอบ A Level เพื่อนำผลไปเทียบวุฒิระดับ ม.6 และไว้ใช้ในการยื่นศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ นั่นเองครับ
เลือกสอบ IGCSE ตอนไหน ?
โดยส่วนใหญ่แล้วโรงเรียนในหลักสูตรนานาชาติจะให้น้องเลือกประมาณ เทอม 2 ของ Year 9 ครับ โดยอาจจะมีฟอร์มให้ผู้ปกครองช่วยน้องเลือก หรือว่ามีระบบ Test ว่าน้องเหมาะกับอาชีพอะไรในอนาคตมาเป็นตัวตัดสินใจให้น้องเลือกลงวิชาครับ โดยน้องจะได้เรียนคือในตอนที่น้องอยู่ Y10-Y11 ครับ รวมระยะเวลาเรียนประมาณ 2 ปีครับ
น้องๆต้องสอบ IGCSE กี่ตัวถึงจะเหมาะสม?
น้อง ๆ จะต้องเลือกวิชาบังคับ ได้แก่ คณิตศาสตร์ (Mathematics) ภาษาอังกฤษ (English) และวิทยาศาสตร์ (Science) ซึ่งวิทยาศาสตร์นั้น บางโรงเรียนอาจแยกให้เป็น ฟิสิกส์ (Physics) เคมี (Chemistry) และ ชีววิทยา (Biology) และน้อง ๆ คนไทยจะโดนวิชาบังคับ ภาษาไทย (Thai) สรุปแล้วน้องต้องเรียนวิชาบังคับ ประมาณ 4-6 วิชา ครับ
**ถ้าน้องอยู่ในระบบโรงเรียนน้องอาจจะได้เลือกเพิ่มอีก 3-5 วิชาโดยขึ้นกับนโยบาย ทำให้สุดท้ายแล้วน้องจะได้เรียนประมาณ 7-11 วิชาครับ
โดยพี่ ๆ ได้นำวิชาที่มีให้เลือกสอบ และจำนวนวิชาที่ต้องสอบมาให้ศึกษาดังนี้ครับ
โดย หลักสูตร IGCSE มีรายวิชาประมาณ 77 วิชาให้เลือกสอบจาก 5 กลุ่มวิชาอันประกอบไปด้วย
- กลุ่มวิชาภาษา (Language) เช่น Chinese, French, Thai, Dutch, Spanish
- กลุ่มวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (Humanities & Social Science) เช่น Economics, Geography, History
- กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ (Science) เช่น Biology, Chemistry, Physics, Environmental Management
- กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ (Mathematics) เช่น Maths, Maths Additional
- กลุ่มวิชาทักษะวิชาชีพ (Creative, Technical and Vocational) เช่น Art & Design, Business Studies, Computer Science, Drama, Music
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มได้ได้ที่ >> https://www.cambridgeinternational.org/programmes-and-qualifications/cambridge-upper-secondary/cambridge-igcse/subjects/
วิชามีให้เลือกมากขนาดนี้แล้วน้องควรเลือกอย่างไรดี?
อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นครับ บางโรงเรียนจะมี Personal Test ให้น้อง ๆ ทำเพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจในการเลือกเรียนครับ
ถ้าไม่อย่างนั้นน้อง ๆ อาจจะศึกษาจากบทความ หรือ วีดีโอคลิป review คณะทางสื่อออนไลน์เป็นตัวตัดสินใจในการเลือกคณะในฝันได้ครับ หรือถ้าหากน้อง ๆ ยังไม่แน่ใจ อาจจะทำเรื่อง Intership ได้ครับ
เมื่อน้อง ๆ พอจะได้คณะที่น้อง ๆ คาดหวังว่าจะเข้าศึกษาต่อได้แล้ว ก็มาถึงวิธีในการเลือกวิชากันครับ
น้อง ๆ สามารถเลือกลงวิชาที่จะเรียนต่อจาก Requirements ในการยื่นเข้ามหาวิทยาลัยครับ
สำหรับน้อง ๆ ที่อยากศึกษาต่อ U.Top ที่ต่างประเทศ สหราชอาณาจักรก็เป็นประเทศหนึ่งที่เด็ก ๆ หลักสูตร IGCSE & A-Level ยื่นเข้า เนื่องจากเป็นการศึกษาที่สอดคล้องกันอยู่แล้ว โดยส่วนมากมหาวิทยาลัยอันดับต้น ๆ ของอังกฤษมักจะ require การยื่น A-Level 3 วิชา ซึ่งเป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับสาขานั้น ๆ คู่กับวิชาพื้นฐานใน IGCSE เช่น Top 10 UK University อย่าง UCL (University College London) ต้องยื่น A-Level 3 ตัว เกรด A*A*A – ABB และต้องยื่นคู่กับ IGCSE English Language และ Maths เพื่อกรองพื้นฐานการเรียนของน้อง ๆ ด้วย
หากเป็นมหาวิทยาลัยใน USA บ้างที่อาจจะไม่ได้ require ชัดเจนว่าน้องต้องได้เกรด A-Level เท่าไหร่ขึ้นไป และใช้การยื่น Essay & Portfolio ควบคู่ด้วย แต่ก็มีค่าเฉลี่ยให้เห็นกันใน U.Top บางแห่งว่า นักเรียนที่ได้รับการตอบรับส่วนใหญ่ก็มีคะแนนที่สูงผันแปรกันไป เช่น มหาวิทยาลัยในฝันของใครหลาย ๆ คนอย่าง MIT (Massachusetts Institute of Technology) นักเรียนส่วนใหญ่ก็จะมี A-Level ระดับ A*-A ในแต่ละรายวิชาสายวิทย์ (อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ https://www.igniteastar.com/what-is-the-igcse-a-level/)
โดยคำแนะนำคือ อยากให้น้อง ๆ เลือกลงเป็นแบบ Extend ครับ เนื่องจากน้อง ๆ ต้องใช้เพื่อไปสอบระดับ A-level ต่อไปครับ
ควรวางแผนการเรียน IGCSE ยังไงดี?
ช่วงเวลาสอบ สำหรับตารางสอบจะมีการสอบปีละ 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงเดือนพฤษภาคม – เดือนมิถุนายน (May – June) ส่วนอีกช่วงคือปลายปีใน เดือนตุลาคม – เดือนพฤศจิกายน (Oct – Nov) ใน 1 ปี มีรอบสอบทั้งหมด 2 รอบ ดังนี้
ดังนั้นถ้าหาก ณ ปัจจุบันน้องอยู่ Year 10 น้องจะสามารถเตรียมตัวได้ตามตารางเลยครับ
ตารางการเตรียมความพร้อมสอบ IGCSE
เริ่มที่ Year 10 น้องจะเปิดเทอมประมาณเดือนสิงหาคม (August) เรียนไปจนจบ Year 10 ขึ้น Year 11 เรียนเก็บเนื้อหา ข้อสอบเพื่อไปสอบรอบเดือน พฤษภาคม-มิถุนายน (May-June) ของตอนกำลังจะจบ Year 11 ครับ
เจาะลึกเก็บคะแนนให้ปังใน IGCSE
จากที่กล่าวไปในหัวข้อ การเรียนในหลักสูตร IGCSE เกรดสูงสุดของการสอบ IGCSE คือ A* ที่เป็นคะแนนสูงสุดครับ ละจะไล่ลงไป A B C D E F G แม้เกรดจะมีหลายตัว แต่เกรด ขี้นไปถึงจะถือว่าสอบผ่านวิชานั้นหากได้ตั้งแต่ D ลงไปจนถึง G ถือว่าไม่ผ่าน อย่างเช่น ถ้าเรียน IGCSE 8 วิชา ทุกตัวได้ C ขึ้นไปหมด แต่มีตัวหนึ่งได้ D ก็จะถือว่าเรียนจบแค่ 7 วิชาเท่านั้นครับ
โดยปกติแล้วเกรด IGCSE จะถูกนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาว่าน้องมีความพร้อมที่จะเรียน A-level หรือไม่ส่วนใหญ่จะตัดที่เกรด B ครับ เท่ากับว่าถ้าน้องสนใจที่จะเรียนต่อคณะที่ต้องใช้ A-level Physics น้องต้องเรียน IGCSE แบบ Extend ในวิชา physics เพื่อให้มีความรู้เพียงพอที่จะสอบ A-level ต่อไปครับ
สถานที่สอบ IGCSE และ A-Level มีบอร์ดในการสอบกี่ที่ แตกต่างกันไหม?
การสอบในประเทศไทยนั้นจะมีการจัดสอบโดย 2 บอร์ดใหญ่ ๆ คือ Cambridge CIE และ Pearson Edexcel (ปัจจุบันมีบอร์ด AQA เข้ามาเพิ่มเติมแต่ยังไม่นิยมเท่าไหร่นัก) โดยทั้ง 2 บอร์ดนั้น ก็จะมีรูปแบบการออกข้อสอบและวัดคะแนนที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนน้อง ๆ เลือกโรงเรียนต้องศึกษาตรงนี้ให้ดีก่อน
ความแตกต่างระหว่างบอร์ด
เรียน IGCSE และ A-Level ที่ Ignite A*
จากข้างต้นจะเห็นได้ชัดเลยว่า เกรดของระดับ IGCSE และ A-Level นั้นมีผลมาก ๆ ต่อการเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย เเละเป็นตัวกำหนดเลยว่าเราจะสามารถยื่นเข้าที่ไหนได้บ้าง ดังนั้นน้อง ๆ ต้องวางแผนการเรียนให้ดี ทั้งแพลนรายวิชาที่สอดคล้องกับสาขาที่ต้องการเข้า และการเตรียมตัวก่อนสอบ
ติวเข้มโดยครูผู้เชี่ยวชาญหลักสูตรการศึกษานานาชาติ ทั้งรูปแบบ Mini Class และ ติวเรียนแบบตัวต่อตัว One on One โดยหลักสูตรออกแบบมาเฉพาะน้อง ๆ นานาชาติโดยเฉพาะ พร้อมให้คำปรึกษาในการวางแผนการเรียนและสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับทอปในไทย ได้ทาง Line: @igniteastar หรือคลิก https://bit.ly/3hhgXoD) และโทร 061-265-0047
Contact information
Telephone number: +66 61-265-0047
Line: @igniteastar (https://bit.ly/3hhgXoD)
Location: MBK tower, 20th Floor, 444, Phayathai Road, Wang Mai, Pathum Wan, Bangkok